จากการรณรงค์ Black Lives Matter ต่อต้านการเหยียดผิวในสหรัฐฯยุค ประธานาธิบดีทรัมป์ กรณีตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดคอจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำจนหายใจไม่ออกและเสียชีวิต สร้างความโกรธแค้นให้ชาวอเมริกันผิวสี เกิดการประท้วงรุนแรงทั่วประเทศ มีการทำลายอนุสาวรีย์บุคคลสำคัญในสหรัฐฯที่เกี่ยวข้องกับทาสและผิวสีในอดีต จนวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ออกคำสั่งบริหาร ปกป้องอนุสาวรีย์และอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ ใครทำลายมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และส่งทหารไปอารักขาอนุสาวรีย์ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เช่น อนุสาวรีย์ จอร์จ วอชิงตัน อดีตประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ
การต่อต้านการเหยียดผิวในสหรัฐฯไม่ได้มีเฉพาะ คนผิวดำ เท่านั้น คนผิวเหลืองเอเชีย ก็ถูกชาวอเมริกันผิวขาวเหยียดผิวและทำร้ายเช่นเดียวกัน
ผลจากการรณรงค์ต่อต้านการเหยียดผิว ผลจากการรณรงค์ต่อต้านการเหยียดผิว Black Lives Matter ทำให้เกิดการรณรงค์ ต่อต้านเนื้อหาที่มีวาทะสร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) ใน Facebook ด้วยแฮชแท็ก #StopHate ForProfit หยุดยั้งการแสวงกำไรจากความเกลียดชัง เพื่อต่อต้านทำให้เกิดการรณรงค์ ต่อต้านเนื้อหาที่มีวาทะสร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) ใน Facebook ด้วยแฮชแท็ก #StopHate ForProfit หยุดยั้งการแสวงกำไรจากความเกลียดชัง เพื่อต่อต้านเนื้อหาที่มีความรุนแรงสร้างความเกลียดชังใน Facebook Instagram และ Twitter รวมทั้งโพสต์ของ ประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ดูเหมือน มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก เจ้าของเฟซบุ๊กมหาเศรษฐีอันดับ 7 ของโลก จะไม่ให้ราคา ไม่สนใจปรับปรุงเท่าที่ควร ยังคงโกยค่าโฆษณาเป็นกอบเป็นกำ ปีที่แล้วเฟซบุ๊กมีรายได้โฆษณาจากทั่วโลก 69,700 ล้านดอลลาร์ ราว 2.15 ล้านล้านบาท
ลูกค้าโฆษณารายใหญ่ของเฟซบุ๊ก ในสหรัฐฯปีที่แล้ว อันดับ 1 วอลท์ดิสนีย์ 6,489 ล้านบาท อันดับ 2 พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล 2,379 ล้านบาท อันดับ 3 หน่วยงานสำมะโนสหรัฐฯ 1,576 ล้านบาท อันดับ 4 Donald J. Trump for President Inc หน่วยงานหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีของทรัมป์ จ่ายค่าโฆษณาให้เฟซบุ๊กสูงถึง 40 ล้านดอลลาร์ 1,236 ล้านบาท เลย ทำให้ทรัมป์โพสต์อะไรตามชอบใจโดยไม่เกรงใจใคร
แล้วความอดทนของสังคมก็สิ้นสุด วันศุกร์ที่ผ่านมา บริษัทเกือบ 100 แห่งในสหรัฐฯ เข้าร่วมการรณรงค์ Stop Hate For Profit หยุดยั้ง การแสวงหากำไรจากความเกลียดชัง พร้อมใจกันประกาศ ถอนโฆษณาออกจากเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ในทุกแพลตฟอร์มทั่วโลก ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เป็นต้นไป เช่น เวอไรซอน บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ยูนิลีเวอร์ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ ไอศกรีมเบนแอนด์เจอรีย์ โคคาโคลา ฯลฯ เพื่อกดดันมหาเศรษฐีหนุ่ม มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก จนกว่า เฟซบุ๊ก จะมีนโยบายชัดเจนในการจัดการปัญหา Hate Speech วาทะที่สร้างความเกลียดชัง และ การหาเสียงทางการเมืองในเฟซบุ๊ก
Hershey แบรนด์ช็อกโกแลตชื่อดังที่เด็กๆชอบก็เข้าร่วม #stophateforprofit boycott ประกาศถอนโฆษณาจากเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม โดยให้เหตุผลว่า ไม่แฮปปี้กับจุดยืน Hate Speech ของเฟซบุ๊ก และหวังว่าเฟซบุ๊กจะจัดการกับเรื่องนี้ เพื่อให้ลูกค้าของเรารู้สึกว่า เฟซบุ๊กเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับลูกค้าของเรา ผมขอแสดงความชื่นชม “จิตสำนึกอันสูงส่ง” ของร้อยบริษัทในสหรัฐฯที่แสดง ออกถึง ความรับผิดชอบต่อสังคม
เมื่อถูก 100 บริษัทกดดันถอนโฆษณา มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ซีอีโอ เจ้าของเฟซบุ๊ก ก็ยอมปรับปรุงนโยบายต่อต้าน Hate Speech ในเฟซบุ๊ก เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ประกาศจะติดตั้งแท็ก Harmful เตือนโพสต์ที่มีเนื้อหาอันตราย ก่อให้เกิดความโกรธแค้นเกลียดชังรวมทั้งโพสต์ของ ประธานาธิบดีทรัมป์ และ นักการเมืองรายอื่นๆ ด้วย
ก็ต้องดูกันต่อไป มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก จะทำตามที่พูดหรือไม่ เฟซบุ๊กมีคดีการเมืองตอนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 4 ปีที่แล้ว และประธานาธิบดีทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯใหม่ และ ประธานาธิบดีทรัมป์ ลงแข่ง อีกสมัย ก็หวังว่าเฟซบุ๊กคงไม่มีเรื่องฉาวทางการเมืองอีก.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
June 30, 2020 at 05:03AM
https://ift.tt/38jzg6n
บริษัทอเมริกันบอยคอต Facebook ค้ากำไรบนความเกลียดชัง - ไทยรัฐ
https://ift.tt/3faRoSj
Bagikan Berita Ini
0 Response to "บริษัทอเมริกันบอยคอต Facebook ค้ากำไรบนความเกลียดชัง - ไทยรัฐ"
Post a Comment